บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
เมดูซา[1] (
อังกฤษ: Medusa) เป็น
ภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดย
การาวัจโจ[2] จิตรกรสมัย
บาโรกคนสำคัญชาวอิตาลี ภาพ “เมดูซา” เขียนราวเสร็จในปี
ค.ศ. 1597 ภาพแรกที่เขียนเขียนในปี
ค.ศ. 1596 ที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า
เมอร์ทูลา ซึ่งเป็นชื่อของกวีที่เขียนเกี่ยวกับ
เมดูซาและลงชื่อ มิเคล เอ เอฟ (มิเคล อันเจโล เอ เอฟ) และปัจจุบันเป็นงานสะสมส่วนบุคคล ขนาดของภาพใหญ่กว่าฉบับที่สองเล็กน้อย (60 x 55 เซนติเมตร) ที่มิได้ลงชื่อที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่
หอศิลป์อุฟฟิซิ,
ฟลอเรนซ์ใน
ประเทศอิตาลีใน
ตำนานเทพเจ้ากรีก เพอร์ซิอุสใช้หัวขาดของ
อสูรกายเมดูซาที่มีผมเป็นงูเป็นเกราะในการเปลี่ยนศัตรูให้เป็นหิน แต่ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมดูซาก็ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะของเหตุผลต่อความรู้สึก ที่อาจจะเป็นสาเหตุของที่มาของภาพนี้เมื่อคาร์ดินัล
ฟรานเชสโค มาเรีย เดล มอนเตผู้อุปถัมภ์จ้างให้การาวัจโจวาดภาพที่สองเป็นโล่ห์เกียรติยศแก่
เฟอร์ดินานโดที่ 1 เดอ เมดิชิ แกรนด์ดยุคแห่งทัสเคนีในปี
ค.ศ. 1601 เดล มอนเตเป็นผู้แทนของ
ตระกูลเมดิชิในกรุงโรมและได้มีโอกาสเห็นภาพ “เมดูซา” ภาพแรกที่การาวัจโจเขียน ฉะนั้นจึงได้จ้างให้เขียนเมื่อเฟอร์ดินานโดจัดระเบียบสิ่งที่เกี่ยวกับอาวุธและการต่อสู่้ที่สะสมไว้ใหม่ ภาพ “เมดูซา เมอร์ทูลา” พบในห้องเขียนภาพของการาวัจโจเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว กวี
จามบัตติสตา มาริโน (Giambattista Marino) อ้างว่าภาพเมดูซาของเมดิชิเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญของดยุคในการได้รับชัยชนะต่อการต่อสู้กับศัตรู ในปี ค.ศ. 1568
จอร์โจ วาซารีบรรยาย “
เกราะเมดูซา” ที่เขียนโดย
เลโอนาร์โด ดา วินชีที่เป็นส่วนหนึ่งของงานสะสมของดยุคแต่หายไปว่าถ้ายังอยู่ในปี ค.ศ. 1597 เดล มอนเตก็คงทราบและการมอบงานนี้ให้การาวัจโจเขียนก็เป็นการบ่งถึงความสามารถของการาวัจโจต่อจิตรกรผู้เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นจิตรกรเอกในบรรดาจิตรกรคนสำคัญๆ ผู้อื่นการาวัจโจเคยชินกับการเขียนภาพหลายฉบับแต่แม้ว่าจะได้รับการบันทึกในแคตาลอกว่าเป็นภาพดั้งเดิมของการแสดงภาพที่มิลานและดุสเซลดอร์ฟแต่ภาพแรกที่เขียนก็ไม่เป็นที่ทราบถึงโดยทั่วไปโดยสาธารณชน ศาสตราจารย์มอริซิโอ มาร์นินิบรรยายถึงในหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับภาพนี้ (Michelangelo da Caravaggio-Gaspare Murtola e la chioma avvelenata di Medusa)การเขียนภาพเมดูซาเป็นการแสดงความสามารถอันดีเลิศในการแสดงทัศนมิติ เพราะผิวโล่ห์เป็นโค้งนูนที่ทำให้ดูราวกับว่าหัวของอสูรกายเมดูซายื่นออกมาจากโล่ห์ที่ทำให้เหมือนกับว่าเลือดรอบคอแทบจะหยดลงบนพื้น